การบาดเจ็บต่อกระดูกและข้อในระดับของขาและเท้า
( Injuries to the Lower Extremities III
)
นายแพทย์
วิชาญ ยิ่งศักดิ์มงคล
ภาควิชาออร์โธปิดิกส์ คณะแพทยศาสตร์
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
(1) Surgical
anatomy of the leg
(2) Mechanism
of injuries of the leg, ankle and foot
(3) Signs
and symptoms of fracture and/or dislocation
(4) Radiology
of trauma to the lower extremities
(5) Methods
of treatments
(1) Fracture
of the tibia
(2) Fracture
of the fibula
(3) Fracture
both bone of the leg (tibia and fibula)
(4) Ankle
fractures(medial/lateral malleolus, talus)
(5) Fractures
and/or dislocation of the foot(calcaneus, tarsus, metartarsus, and phalanx)
บริเวณขา ( leg )ประกอบด้วยกล้ามเนื้อ, เส้นเอ็น, เส้นเลือด และเส้นประสาท เป็นจำนวนมาก อยู่ใน compartment ต่างๆ โดยแบ่งเป็น 4
compartments ดังต่อไปนี้
(1) Anterior
compartment
ประกอบด้วยเส้นประสาท deep peroneal nerve, กล้ามเนื้อในกลุ่ม ankle
และ foot
dorsiflexor ได้แก่ กล้ามเนื้อ tibialis anterior, extensor hallucic longus และ extensor
digitorum longus
(2)
Lateral compartment
ประกอบด้วย เส้นประสาท superficial peroneal
nerve, กล้ามเนื้อในกลุ่ม ที่ทำหน้าที่
foot plantar flexion และ eversion ได้แก่ กล้ามเนื้อ peroneal brevis
และ longus
(3)
Superficial posterior compartment
ประกอบด้วยกล้ามเนื้อกลุ่ม
foot plantar flexor ได้แก่ กล้ามเนื้อ gastronemius
(4)
Deep posterior compartment
ประกอบด้วยกลุ่มของเส้นเลือดและเส้นประสาท posterior tibial และกล้ามเนื้อที่ทำหน้าที่ foot
plantar flexion และ inversion คือ กล้ามเนื้อ soleus
กลไกการบาดเจ็บโดยทั่วไปอาจจะแตกต่างกันไปในรายละเอียด
แต่ในแง่ของการบาดเจ็บต่อส่วนของร่างกายสามารถแบ่งได้เป็น 3 ประเภท คือ
1.
Direct injury จากการชนหรือกระแทกโดยตรง ณ
บริเวณที่ได้รับบาดเจ็บ
2.
Indirect injury จากแรงกระทำบริเวณหนึ่งแต่เกิดการบาดเจ็บอันเนื่องมาจากแรง
ดังกล่าวในอีกบริเวณหนึ่ง
3.
Penetrating injury จากของมีคมเช่น มีด หรือ
กระสุนปืน อย่างไรก็ตามในการ
บาดเจ็บแต่ละครั้งอาจประกอบไปด้วยแรงกระทำหลายๆ อย่างในเวลาเดียวกันก็ได้
อาการและอาการแสดงที่บ่งชี้ว่าอาจจะมีกระดูกหักหรือข้อเคลื่อนได้แก่
1. Severe
pain
2. Marked
swelling
3. Deformity
(angulation, abnormal rotation)
4. Shortening
of the limb
5. Ecchymosis
6. Loss
of function of the affected part(unable to move or bear weight)
7. Open
injury (visualization of bony fracture or fat globule)
เนื่องจากกระดูก
tibia และ fibula
ป็นส่วนของกระดูกที่อยู่ตื้นทำให้มีโอกาสได้รับบาดเจ็บและเกิดการหักได้ค่อนข้างบ่อย
และมักจะเป็นการบาดเจ็บชนิดมีบาดแผลเปิด (Open fracture )
การรักษาการบาดเจ็บบริเวณนี้ขึ้นอยู่กับปัจจัยดังต่อไปนี้
1. The state of soft tissue
สำหรับกรณี
Close Fracture ที่สำคัญควรทราบคือ Tschner s classification
Table 1 : Tschner s
classification of skin lesion in closed fracture |
|
IC 1 |
No skin lesion |
IC 2 |
No skin lavation but
confusion |
IC 3 |
Circumscribed deqloving |
IC 4 |
Extensive, Closed deqloving |
IC 5 |
Necrosis from contusion |
สำหรับกรณี
Open Fracture ที่สำคัญที่ควรทราบคือ Gustilos
classification
Table 2 Gustilos
classification of open fractures |
|||
Grade |
Wound |
Soft-tissue injury |
Bone injury |
I |
Less than 1 cm long |
Minimal |
Simple |
II |
Greater than 1 cm long |
Moderate, some muscle
damage |
Moderate comminution |
IIIA |
Usually greater than 1 cm
long |
Severe deep contusion; ±
compartment syndrome |
High-energy fracture
patterns; comminuted but soft-tissue cover possible |
|
|
|
|
IIIB |
Usually greater than 10
cm long |
Severe loss of
soft-tissue cover |
Requires soft-tissue
reconstruction for cover |
IIIC |
Usually greater than 10
cm long |
As IIIB, with need for
vascular repair |
Requires soft-tissue
reconstruction for cover |
2.
The severity of bone injury high energy fractures มักมีการทำลายเนื้อเยื่อและกระดูกมาก
ใช้เวลาในการหายนานกว่า low energy แม้ว่า fracture
ดังกล่าว จะเป็น Open หรือ Close
ก็ตาม
3.
Stability of the fracture ต้องพิจารณาเมื่อผู้ป่วยจะเดินลงน้ำหนัก
fracture ดังกล่าวมีโอกาสเคลื่อนมากน้อย เพียงใดการรักษากระดูกหักบริเวณนี้
มีทั้งการรักษาด้วยวิธีไม่ผ่าตัดและผ่าตัด
1.
Non-operative treatment ใช้เมื่อ fracture
เป็นชนิด nondisplaced
หรือ minimal displaced โดยที่
A.
Fracture angulation < 10 degress
B.
Fracture rotation < 10 degress
C.
Fracture Shortening < 10 mm
D.
Fracture Apposition < 50%
การรักษาวิธีนี้คือ การทำ closed reduction และใส่เฝือกชนิด long leg
cast จากนั้นให้เดินได้โดยใช้ไม้ค้ำยัน ( crutches) งดลดน้ำหนัก
ประมาณ 4-6 สัปดาห์ แรก และค่อย ๆ เดินลงน้ำหนักเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
โดยทั่วไปใช้เวลาโดยการใส่เฝือกประมาณ 12-16
สัปดาห์ จึงหายเป็นปกติ
2.
Operative Treatment
ข้อบ่งชี้ในการรักษาโดยวิธีการผ่าตัด ได้แก่
A.
Failed non-operative treatment : เช่น
เกิดภาวะ non-union
B. Multiple fractures : ผู้ป่วยมีกระดูกส่วนอื่น
ๆ ของร่างกายหักตั้งแต่ 2 แห่งขึ้นไปควรรับการรักษาโดยวิธีผ่าตัด เพื่อให้สามารถช่วยเหลือตนเองได้
โดยเร็วที่สุดในระหว่างการรักษา
C. Open fractures : จำเป็นต้องได้รับการผ่าตัดล้างทำความสะอาดเพื่อป้องกันการติดเชื้อของกระดูก
D. Fracture associated with major vascular
injury : กรณีมีการบาดเจ็บต่อเส้นเลือดสำคัญ
จำเป็นต้องมีการยึดกระดูกให้มั่นคงแข็งแรงก่อน
จึงจะทำการผ่าตัดต่อเส้นเลือดได้ผลดี
ชนิดของการรักษาโดยวิธีการผ่าตัด
A.
ผ่าตัดยึดกระดูกด้วยโลหะชนิด Plate and Screw : เหมาะสำหรับรักษา
metaphyseal fracture ซึ่งไม่เหมาะแก่การใช้
intramedullary nail
B.
ผ่าตัดยึดกระดูกด้วยโลหะชนิด Intramedullary nail วิธีนี้เชื่อว่าเป็นรักษาที่ได้ผลดีที่สุดเมื่อเทียบกับการผ่าตัดโดยวิธีอื่น
เนื่องจาก nail เป็น load-sharing
device ทำให้ผู้ป่วยสามารถเดินลงน้ำหนักได้เร็วขึ้นเมื่อเทียบกับ
plate
C.
ผ่าตัดยึดกระดูกด้วยโลหะชนิด External fixator ใช้เป็นทางเลือกในการรักษากระดูกหักชนิด open
Fracture ชนิดที่มีการบาดเจ็บอย่างรุนแรงต่อ soft tissue หรือ
มีอัตราเลี่ยงต่อการติดเชื้อหากรักษาโดยวิธี internal
fixation ด้วย plate หรือ nail
หลักการรักษา
Open Fracture Tibia
ได้แก่
1. Antibiotic therapy
2. Adequate debridement
3. Fracture stabilization
4. Adequate soft tissue coverage
5. Rehabilitation after fracture heals
ภาวะแทรกซ้อนหลังจากกระดูกหัก (Complications of tibial
fracture ) แบ่งเป็น
1.
Early Complications
1.1.1
Vascular injury กระดูก tibia หักในตำแหน่ง proximal half อาจเกิด
การบาดเจ็บต่อ popliteal artery ได้ซึ่งถือเป็นภาวะ
ที่ต้องได้รับการรักษาแบบเร่งด่วน
1.1.2
Compartment Syndrome
-
อาการและอาการแสดงของ compartment
syndrome ได้แก่ 5 Ps คือ
a.
Pain (markedly increase)
b.
Paresthesia
c.
Pallor
d.
Paralysis
e.
Pulseless
เมื่อมีอาการอย่างหนึ่งอย่างใด หรือหลายอย่างร่วมกัน
ผู้ตรวจควรจะให้ความสำคัญเป็นพิเศษ เนื่องจากภาวะนี้หากเกิดขึ้นและได้รักษาช้าเกินไป จะเกิดการพิการอย่างถาวรของขาส่วนนั้น
-
ปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิด compartment syndrome ได้แก่
1.
Fracture tibia ไม่ว่าจะเป็นชนิด closed
หรือ open
2.
Young patient
3.
Nerve injury
4.
Delayed treatment
5.
Hypovolemic shock
การรักษา คือ การทำผ่าตัด Fasciotomy and decompression ทั้ง 4
compartment หากการผ่าตัดรักษาเกิดขึ้นภายใน 6
ชม. หลังจากเริ่มมีอาการ ผลการรักษามักจะได้ผลดีคือ full recovery 1.1.3
Infection
2.
Late Complications ได้แก่
2.1 Malunion
2.2 Delayed union
2.3 Nonunion
2.4 Joint stiffness
2.5 Osteoporosis
2.6 Algodystrophy
(Complex regional pain syndrome)
Fracture of the
tibia
มักเกิดจาก direct injury และเกิดเป็น
fracture ชนิด transverse
หรือ short oblique จะพบอาการฟอกช้ำบวมตรงบริเวณที่หักซึ่งบ่งว่าเกิดจาก direct
injury การรักษา ถ้ามี displacement ควรทำการ close reduction และใส่เฝือก
long leg cast เช่นเดียวกับ fracture
both bones กระดูก tibia หักอย่างเดียวมักจะใช้เวลาในการติดนานกว่ากระดูกหักร่วมกับ
fibula ดังนั้น ควรรออย่างน้อย 12
สัปดาห์ จนแน่ใจว่า กระดูกดังกล่าวเชื่อมติดดี (consolidation) จึงจะอนุญาตให้ผู้ป่วยลงน้ำหนักได้เต็มที่ ภาวะแทรกซ้อนใน fracture
นี้ คือ delayed union โดยเฉพาะเมื่อระดับที่หักเป็นระดับ1/3 ตอนล่าง ดังนั้น แม้ว่า displacement เกิดเพียงเล็กน้อย การทำผ่าตัด open reduction และ internal fixation จะให้ผลที่ดีกว่า
Fracture of the fibula alone
กรณีพบ Spiral fracture ของกระดูก
fibula อย่างเดียว
ผู้ตรวจต้องมองหาการบาดเจ็บบริเวณที่สูงหรือต่ำกว่าระดับกระดูกที่หักด้วยเสมอ ควรจะมี
X-ray ที่เห็นถึงข้อเข่าและข้อเท้าด้วย เนื่องจาก Isolated
spiral fibula fracture มักพบร่วมกับการบาดเจ็บต่อส่วนอื่นร่วมด้วยเสมอ
ถ้า fracture fibula เป็นชนิด
short oblique หรือ transverse
มักจะเกิดจาก direct injury จะพบอาการแสดงเฉพาะที่คือกดเจ็บและบวมโดยที่ผู้ป่วยสามารถจะยืนเดินและขยับข้อเข่าและข้อเท้าได้
อาการปวดมักไม่รุนแรง การรักษาเพียงแต่ให้ยาแก้ปวด และพันผ้า elastic
bandage ก็เพียงพอ (เนื่องจากกระดูก fibula รับน้ำหนักเพียง
20% ของร่างกายส่วนกระดูก tibia
รับ 80%ที่เหลือ)
ในบางกรณีที่ผู้ป่วยมีอาการปวดอย่างรุนแรง
อาจจะรักษาโดยการใส่เฝือกชนิด below
knee walking cast เป็นระยะเวลา 2 สัปดาห์
นอกจากนี้ อาจพบ pathological fracture ของ fibula ได้
ในผู้ป่วยที่มีภาวะ osteomyelitis หรือ bone tumor
การรักษาภาวะนี้ได้แก่การรักษาโรคที่เป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิด fracture
Fatigue Fracture
การมี repetitive
stress อาจจะทำให้เกิด fatique
fracture ของกระดูก tibia (มักพบในส่วนครึ่งบน) หรือกระดูก fibula
(มักพบบริเวณ1/3 ตอนล่าง) ภาวะนี้มักพบในผู้ป่วยที่เป็น
ทหารเกณฑ์, นักวิ่งหรือนักเต้นบัลเล่ต์ ผู้ป่วยจะมีอาการปวดขา การตรวจร่างกายจะพบ local
tenderness และบวมเพียงเล็กน้อย ภาวะนี้บางครั้งแพทย์อาจวินิจฉัยผิดคิดว่าเป็น chronic
compartment syndrome ได้
การตรวจด้วย X-ray ในช่วง 4
สัปดาห์แรก มักจะไม่พบอะไรผิดปกติ แต่ถ้าตรวจด้วย bone
scan จะพบมี increase activityในบริเวณดังกล่าว
ในช่วงหลัง 4
สัปดาห์ไปแล้ว X-ray จะพบ periosteal
new bone ร่วมกับรอย transverse defect เล็กๆ ในส่วน cortex ของกระดูกได้
ที่สำคัญการวินิจฉัยภาวะนี้ต้องระวังคลาดเคลื่อนกับโรคมะเร็งทางกระดูกชนิด osteosarcoma ซึ่งการดำเนินโรคแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง การวินิจฉัยภาวะ Stress
fracture ที่สำคัญที่สุด คือ แพทย์ผู้รักษาต้องมีความสงสัยและคิดถึงโรคนี้อยู่ในใจการรักษาคือการแนะนำผู้ป่วยให้
งดกิจกรรมที่ต้องลงน้ำหนักมาก เป็นระยะเวลาประมาณ 8-10 สัปดาห์ อาการจะดีขึ้นเอง
Fracture tibial plafon
คือกระดูกส่วนปลายสุดของ tibia ซึ่งเป็นส่วนประกอบด้านบนของข้อเท้าหัก
มีอีกชื่อเรียกว่า Pilon fracture
ซึ่งหมายถึงกระดูกบริเวณ distal
tibia แตกและรอยแตกต่อเข้าไปในข้อเท้า fracture ชนิดนี้จะมีการทำลายกระดูกอ่อนภายในผิวเข้าเท้าร่วมด้วยเสมอ การตรวจร่างกายบางครั้ง ในระยะเริ่มต้นหลังบาดเจ็บเท้ามักจะบวมไม่มากแต่ต่อมาจะบวมมากขึ้นอย่างรวดเร็วและจะพบตุ่มน้ำ พอง (blister) ร่วมด้วย
การตรวจ X-ray ควรจะถ่ายอย่างน้อย
3 ท่าคือ AP, Lateral และ Mortise view และหากยังเห็นไม่ชัดเจนจากภาพ
X-ray ธรรมดา การตรวจ CT-scan ของข้อเท้า จะทำให้ประเมินการบาดเจ็บภายในข้อได้ละเอียดขึ้น
การรักษาแบ่งเป็นแบบผ่าตัดและไม่ผ่าตัด โดยทั่วไปหากกระดูกที่แตกแต่เลื่อนไม่มาก สามารถให้การรักษาแบบไม่ผ่าตัด คือการทำ close reduction และใส่เฝือกชนิด long leg cast จากนั้นให้ผู้ป่วยเดินด้วยไม้ค้ำยันโดยไม่ลงน้ำหนักขาข้างนั้น
(Non-weight bearing) เป็นเวลาอย่างน้อย 6
สัปดาห์ จากนั้นจึงค่อย ๆ
ให้เดินลงน้ำหนักขึ้นเรื่อยเป็นลำดับนานประมาณ 12-18 สัปดาห์ หรือจนกว่าจะเห็นกระดูกเชื่อมติดดี
แต่หากกระดูกที่แตกภายในข้อมีการเคลื่อนมาก (intraarticular displacement) เกินกว่า
2 มม
จำเป็นต้องได้รับการรักษาโดยวิธีการผ่าตัดเพื่อจัดกระดูกให้เข้าที่
โดยใช้เครื่องมือชนิด plate หรือ external
fixator ขึ้นกับลักษณะของกระดูกที่แตก
Ankle fracture
อาการสำคัญ คือ มีการบวม, ปวด,
ข้อเท้าผิดรูปและผู้ป่วยมีปัญหาเรื่องการลงน้ำหนักการตรวจ
X-ray มาตรฐานของข้อเท้า มี 3 view ได้แก่ AP, Lateral และ Mortise
(ถ่าย APในขณะข้อเท้าบิดเข้าใน
15-20 องศา โดยถ่ายตั้งฉากกับ intermalleolar line ) อาจจะพบกระดูกที่หักร่วมกับการบาดเจ็บต่อ ligaments ได้ ส่วนของกระดูกที่หักบริเวณข้อเท้าได้แก่ medial malleolus, lateral malleolus, และ third malleolus
(คือ posterior tibial
lip ) Ligaments ที่สำคัญของข้อเท้า คือ deltoid ligament และ anterior talofibular
ligament
การรักษา
Ankle fracture หากกระดูกที่หักเป็นชนิดไม่เคลื่อนหรือเคลื่อนที่จากกันน้อยกว่า 2 มม. ควรพิจารณาทำ close reduction และใส่เฝือกชนิด
short leg cast เป็นเวลา 8-12 สัปดาห์ แต่หากกระดูกที่หักมีการเคลื่อนตัวมากกว่า 2 มม. ถือว่ามี displacement ควรรักษาด้วยวิธีการผ่าตัด
โดยอาจใช้วิธี open reduction และ internal fixation โดย plate & screw หรือ tension band
wiring
เกิดจาก excessive และ repetitive
stress ต่อกระดูกบริเวณที่เกิด fracture
ส่วนมากมักจะเกิดที่ 2nd metacarpal base และ calcaneus ผู้ป่วยจะมีอาการปวด
บวม เล็กน้อยหรือปานกลาง การวินิจฉัย ถ้ามีอาการมากกว่า 2 สัปดาห์
สามารถวินิจฉัยได้จาก x-ray
ธรรมดา ถ้าอาการน้อยกว่า 2 สัปดาห์ ควรตรวจ Bone scan ซึ่งสามารถแสดงให้เห็นตำแหน่ง
fracture ได้เร็วกว่า การรักษาใส่เฝือก short leg cast
เป็นเวลา 4-6 สัปดาห์ จึงจะหายเป็นปกติ
Neuropathic
Fracture (Charchots disease)
Charcot ในปี ค.ศ.1868 ได้กล่าวถึงภาวะที่มีการทำลายกระดูก
(destructive arthropathy) ที่พบในผู้ป่วยที่มีโรคของระบบประสาทส่วนกลาง
(central nervous
system) ในยุคนั้น ผู้ป่วยของ Charcot เป็นโรค Tabes dorsalis
ซึ่งเกิดจากเชื้อ Syphylis ในปัจจุบัน
Charcot joint disease หมายความถึง
ภาวะ destructive
arthropathy ที่เกิดภาวะที่มีการสูญเสีย
pain sensibility และ position sense
สาเหตุที่พบบ่อยในปัจจุบัน ได้แก่ Neurosyphylis
(มักเกิดกับข้อของขา), Syringomyetis (
เกิดกับข้อทั้งแขนและขา ), Multiple sclerosis, Diabetes, Myelomeningocele, Spinal cord compression, Peripheral neuritis, Leprosy และ Congenital indifference to pain
กลไกการเกิดเชื่อว่า จากการที่ข้อสูญเสีย normal reflex ในการป้องกันและตอบสนองต่อการบาดเจ็บ หรือภาวะ abnormal stress ทำให้เกิดภาวะ disintregrate ของ subchondral bone อย่างรวดเร็ว โดยผู้ป่วยไม่มีอาการเจ็บปวด
และมีร่องรอยของ กระบวนการ reparative น้อยมาก
ในระยะเริ่มต้น การเปลี่ยนแปลงในข้อจะดูคล้ายกับ Osteoarthritis จะพบมี fragment
ของ bone และ cartilage
ลอยในผิวข้อ หรือ ฝัง ( Embedded) อยู่ในเนื้อเยื่อ Synovium มีการหนาตัวของ synovial membrane และมี joint effusion เป็นจำนวนมาก
ในระยะท้ายของโรคจะพบว่ามีการสูญเสียของผิวข้ออย่างสิ้นเชิง เกิด fragmentation ของ subchondral bone และเกิดข้อเคลื่อนบางส่วน (joint
subluxation )
ในที่สุด ผู้ป่วยจะมาด้วยอาการข้อบวม ข้อหลวม และมีการผิดรูปของข้อมากขึ้นเรื่อยๆ
แต่ไม่มีอาการปวดเลย x-rayจะพบการบางตัวของผิวข้ออย่างมาก แต่มี osteophyte
formation เกิดขึ้นน้อย พบ intraarticular
calcification และ joint swelling เป็นลักษณะที่ชวนให้นึกถึงโรคนี้ และสุดท้ายจะเกิด erosion ผิวข้อ และข้อเคลื่อนในที่สุด
การรักษา ปัจจุบันยังไม่พบว่ามีวิธีใดจะหยุดหรือทำให้การทำลายผิวข้อเกิดช้าลง
ดังนั้นจึงรักษาแต่เพียงการดามข้อ ( splintage) ที่บวมและไม่มั่นคง
และให้ยาแก้ปวดเป็นครั้งคราว การรักษาโดยวิธีการผ่าตัดถือเป็นข้อห้ามสำหรับภาวะนี้
เนื่องจากโอกาสให้ผลการรักษาที่ดีน้อยมาก
กระดูก talus หักหรือเคลื่อน เป็นภาวะที่พบได้ไม่บ่อย และมักเกิดในอุบัติเหตุที่รุนแรงมาก โดยอาจเกิด fracture ได้ในตำแหน่งต่างๆ ของกระดูก talus ได้แก่ head, neck, body หรือ bony process, avulsion fracture ของส่วนผิวข้อ ความสำคัญของกระดูก talus มี 2 ประการคือ talus เป็น major weight-bearing bone และเป็นกระดูกที่ลักษณะ pattern ของ blood supply ที่มีโอกาสเกิด post traumatic osteonecrosis ได้ง่าย เช่นเดียวกันกับ fracture neck of the femur โอกาสเกิด AVN ของ talus จะสูงขึ้น ถ้าเกิด talar neck fracture และเป็นชนิดมี displacement
กลไกการบาดเจ็บของ talar neck ส่วนใหญ่เกิดจาก hyperextension ของข้อเท้า ส่วน fracture ของ body มักเกิดจากการตกจากที่สูง การตรวจ x-ray ข้อเท้า 3 ท่ามาตรฐาน (AP, Lateral และ Mortise view) มักจะเห็นกระดูกส่วนที่หักได้
การรักษา
หากกระดูกที่หักไม่เคลื่อน (non-displacement)
สามารถรักษาโดยวิธีการใส่เฝือก short leg cast เป็นเวลา 8 -12 สัปดาห์
หากกระดูกหักเคลื่อน (displaced fracture)
ควรทำการรักษาโดยวิธี Close reduction
ถ้ากระดูกเข้าที่ดีจึงใส่เฝือกต่อไป แต่หากไม่เข้าที่ จำเป็นต้องทำการผ่าตัดโดย open reduct และ internal fixation ด้วย screw จากนั้นใส่เฝือกต่ออีก 8-12 สัปดาห์
Fracture of the Calcaneus
กระดูก Calcaneus เป็นกระดูก tarsus ที่พบหักบ่อยที่สุด โดยประมาณ 5-10% ของผู้ป่วยเป็นการหักทั้ง 2 ข้าง จากการตกจากที่สูง อาจพบร่วมกับการบาดเจ็บต่อกระดูกสันหลัง กระดูกเชิงกราน หรือ กระดูกสะโพกได้ประมาณ 20% กระดูก calcaneus มีลักษณะเฉพาะคือมีผิว cortex ที่บางและภายในเต็มไปด้วย cancellous bone
Palmer (1948) และ Essex-Lopressti
ได้แบ่ง Calcaneus fracture เป็น extraarticular fracture และ intraarticular fracture ผู้ป่วยมักมีอาการปวดบวม
และมีรอยฟกช้ำ(bruise)
ขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นบริเวณด้านข้างของส้นเท้า ตรวจร่างกายจะพบว่า subtarlar joint ไม่สามารถขยับได้
ในขณะที่ ankle joint
อาจจะยังขยับได้ ควรจะตรวจหาอาการแสดงของ compartment syndrome ของเท้าเสมอ การส่งตรวจ X-ray ควรถ่ายในท่า lateral, obligue และ axial view สำหรับ extraarticular fracture มักจะมองเห็นได้ชัดจากเอ็กซเรย์ดังกล่าว ส่วน Intraarticular fracture และมี displacement จะเห็นได้จาก X-ray
ท่า lateral โดยจะพบ flattening
ของ tuber-joint angle (Böhlers angle) การจะวินิจฉัย intraarticular fracture ให้ได้ละเอียดและแน่นอนควรตรวจด้วย CT-scan ที่สำคัญในกรณีผู้ที่ได้รับการบาดเจ็บรุนแรง
และพบ bilateral calcaneal fracture จำเป็นต้องถ่าย x-ray ข้อเข่า
กระดูกสันหลัง และกระดูกเชิงกรานร่วมด้วยเสมอ
การรักษากระดูก
calcaneus หักชนิดไม่เคลื่อนหรือเคลื่อนน้อย
สามารถรักษาโดยวิธีไม่ผ่าตัด โดยการใส่เฝือก short leg cast เป็นเวลา 6-8 สัปดาห์
หากมีการเคลื่อน (displacement) ควรรักษาโดยวิธีการ close reduction ร่วมกับ percutaneous pinning หรือจะทำ open reduction และ internal fixation ด้วย plate, screw หรือ staples
Fractures of the tarsus and mid tarsal joint injuries
การบาดเจ็บบริเวณ midfoot มีความหลากหลาย ตั้งแต่ minor sprain จนถึง fracture-dislocation ซึ่งมีผลต่อ survival ของ foot กลไกการบาดเจ็บแตกต่างกันไป โดยทั่วไปแล้ว Isolated injuries ต่อกระดูก navicula, cuneiform หรือ cuboid จะพบน้อยมาก กระดูกหักบริเวณ midfoot มักจะเกิดเป็น combination fractures มากกว่า ตรวจร่างกายจะพบ bruise และอาการบวม มีการกดเจ็บทั่วไปบริเวณ midfoot ถ้าเป็น medial mid-tarsal dislocation เท้าจะมองดูเหมือน acute club foot และถ้าเป็น lateral dislocation จะเห็นเป็นลักษณะ valgus deformity แต่ถ้าเป็น longitudinal stress injury อาจตรวจไม่พบการผิดรูปเลย ที่สำคัญเวลาตรวจคือ ต้องนึกถึงภาวะ distal ischemia หรือ compartment syndrome ไว้ด้วยเสมอ
การตรวจ X-ray จำเป็นต้องให้เห็นกระดูกบริเวณที่หัก อย่างน้อยที่สุด 2
ท่าคือ AP และ Obligue view การรักษาขึ้นกับชนิดของการบาดเจ็บคือ
1.
Ligamentous strains :
รักษาโดยพันผ้า bandage จนอาการปวดลดลง
และเริ่มขยับเท้าได้
2.
Nondisplaced fractures : ยกเท้าสูง พันผ้า bandage
ไว้ 3-4 วัน หากบวม
มาก จากนั้นใส่เฝือก short-leg
cast ผู้ป่วยสามารถเดินลงน้ำหนักบางส่วน
โดยใช้ไม้ค้ำยันได้
ใส่เฝือกประมาณ 4-6 สัปดาห์
3. Displaced
fractures : รักษาโดยการทำ close
reduction ถ้าไม่สำเร็จ
จึงทำ open
reduction จากนั้น ใส่เฝือกต่อ รักษาเหมือน nondisplaced
fracture
4.
Fracture-dislocation : ควรรักษาโดยการทำ
close reduction
ภายใต้การดมยาสลบ จากนั้นพิจารณาดูว่า fracture มีโอกาสมี
redislocation หรือไม่
ถ้ามีแนวโน้ม อาจพิจารณาทำ K-wire
fixation ก่อน
จากนั้นจึงใส่เฝือก short leg
cast จนครบ 6-8 สัปดาห์
1.
Comminuted fracture
: ถ้ากระดูกหักแตกละเอียดมาก ควรพิจารณาสภาพของ soft
tissue เป็นหลักว่า มีโอกาสเกิด ischemia
ด้วยหรือไม่ ถ้ามีควรพิจารณารักษาเบื้องต้น โดยการ splint
ในท่าที่พอจะทำได้ และยกเท้าสูงทิ้งไว้จนกว่าอาการบวมจะยุบลง
การรักษาโดยวิธีการเชื่อมข้อ (Arthrodesis)
โดยพยายามคงรูปร่างของ longitudinal arch ไว้ ถือว่าเป็นวิธีที่ได้ผลดี
Tarso-metatarsal
injuries
ข้อ tarso-metatarsal joint ทั้งห้า มีการประกอบเป็น structure
complex ซึ่งมี ligament ยึดระหว่างกระดูกและข้อที่แข็งแรงมาก
การบาดเจ็บชนิด sprains พบได้บ่อย ในขณะที่ dislocation
ของข้อดังกล่าวพบได้น้อยมาก การตรวจ x-ray
บางครั้งอาจจะสังเกตได้ยาก ใน x-ray ท่า AP ของ foot ควรดูที่ 2nd
และ 4th
metatarsus โดย
medial edge ของ 2nd
metatarsus ควรอยู่ในแนวเส้นตรงเดียวกันกับ medial edge ของ 2nd cuneiform ส่วน medial edge ของ 4th metatarsus ควรต่อเป็นเส้นตรงเดียวกันกับ
medial side ของ cuboid หากยังสงสัย fracture-dislocation และภาพ X-ray ธรรมดายังไม่แน่ใจ ควรถ่ายท่า stress
view เพื่อให้เห็นได้ชัดเจนขึ้น
การรักษา
ขึ้นกับความรุนแรงของการบาดเจ็บ
1.
Nondisplaced sprain
รักษาโดยการใส่เฝือกเป็นเวลา 4-6 สัปดาห์
2.
Subluxation หรือ dislocation รักษาโดย close reduction ร่วมกับ percutaneous
K-wire fixation หรือ screw ร่วมกับการใส่เฝือกเป็นเวลานาน 6-8 สัปดาห์
หากทำ close reduction ไม่เข้า จำเป็นต้องผ่าตัดทำ open
reduction ที่สำคัญคือ ต้องจัด 2nd tarso-metatarsal joint ซึ่งเป็น key of success ของการ reductionให้เข้าที่ให้ได้เสมอ จากนั้นจึงยึดกระดูกด้วย K-wire หรือ screw ต่อ
ร่วมกับใส่เฝือก ภาวะแทรกซ้อนที่ควรระวังมิให้เกิดคือ Compartment
sndrome
Fracture of the metatarsus
กระดูก metatarsus หักพบได้บ่อย แบ่งเป็น 4 ชนิด ได้แก่
1.
Crush fracture
จากการถูกกระแทกโดยตรง
2.
Spiral fracture of shaft จาก twisting
injury
3.
Avulsion fracture จากการ ligament
strains
4.
Stress fracture จาก repetitive
stress
อาการและอาการแสดงคือ ปวด บวม มี bruise บริเวณหลังเท้า
การตรวจ x-ray โดยใช้ routine view ได้แก่ AP, Lateral และ Obligue ก็เพียงพอ
การรักษาขึ้นกับชนิดของ fracture
ตำแหน่งที่หัก
และปริมาณการเคลื่อนตัว กรณี fracture เป็นชนิด nondisplaced และ minimally displaced รักษาโดย
ใส่เฝือก short leg cast และงดลงน้ำหนัก 3 สัปดาห์แรก และเริ่มลงน้ำหนักเพิ่มมากขึ้นเป็นลำดับใน 3 สัปดาห์ต่อมา กรณี fracture เป็นชนิดมี displacement
ควรพิจารณาทำ close
reduction และใส่เฝือกเช่นเดียวกัน แต่ควรให้นอนยกเท้าสูงในช่วง 48 ชั่วโมงแรก
เพื่อป้องกันการบวมมากขึ้น กรณีกระดูกหักเป็นชนิด open fracture ควรรักษาโดยการผ่าตัดล้างทำความสะอาด และพิจารณา open reduction ด้วย K-wire
Stress
Fracture (March fracture)
พบในคนอายุน้อย (พบบ่อยในทหารเกณฑ์ และพยาบาล) เท้าจะมีอาการปวด บวม จากการใช้งานมาก (overuse) อาจตรวจพบมีก้อนคลำได้บริเวณ distal ต่อ midshaft ของ metatarsal bone โดยมักจะพบใน 2nd metatarsus ภาวะนี้เป็น stress fracture ที่เกิดจาก repetitive injury โดย x-ray ในช่วงแรก จะไม่พบความผิดปกติ แต่ถ้าตรวจด้วย radioisotope scan จะพบบริเวณที่มี intense activity ในกระดูกได้ ในระยะต่อมาจึงจะพบลักษณะรอยเส้น hair line crack และมีก้อน callus รอบ ๆเส้นดังกล่าวให้เห็นได้ การรักษา ถ้าอาการไม่มาก ให้ยารักษาตามอาการและงดลงน้ำหนัก จนกว่าอาการปวดจะหายไป หากอาการปวดเป็นมาก ควรพิจารณารักษาโดยใส่เฝือกเป็นเวลา 4-6 สัปดาห์
Fracture
phalanx
ส่วนมากเกิดจากของหนักหล่นทับเท้า
กระดูก phalanx หักเมื่อรักษาหายแล้ว
มักไม่พบว่าเป็นปัญหา การรักษาได้แก่
การทำ buddy splint ( การดามนิ้วที่มีกระดูกหัก
โดยพันกับนิ้วที่ดีติดกัน)
เป็นเวลา 4 สัปดาห์
โดยที่ผู้ป่วยสามารถเดินลงน้ำหนักได้เป็นปกติ
เป้าหมายในการรักษากระดูกหักบริเวณเท้า
เมื่อสิ้นสุดการรักษา
หรือกระดูกหักบริเวณเท้าที่หายแล้ว ผู้ป่วยควรจะเป็นดังต่อไปนี้
1.
ไม่มีอาการเจ็บปวดเวลาเดิน (Painless
on weight bearing foot)
2.
เดินได้โดยเท้าสัมผัสพื้นชนิด Plantigrade
foot
3.
ไม่มีปัญหาเรื่องการใส่รองเท้า (No
shoe wear problems)
บรรณานุกรม
1. Apleys System of Orthopaedics
and Fractures 8th ed. Solomon L.,
Nayagam S editors.